อากาศครึ้มๆจึงอยากมาเล่าเตือนภัย! "เสี่ยงลงทุน@Internet"

อากาศครึ้มๆจึงอยากมาเล่าเตือนภัย! 

อย่าไปเสี่ยงลงทุนให้มีรายได้จากการลงทุนในเวปไซต์อินเทอร์เน็ต

เรามีประสบการณ์จากครั้งนั้น...ได้สูญเงินไปเกือบสามหมื่นบาทเลยทีเดียว

คงมาจากความโลภ ความไว้ใจคนมากเกินไป บวกกับความโง่ด้วยมั้ง..!

เสียดายเงินมากๆ แต่ก็ไม่สามารถไปโทษใครได้...นอกจากโทษตัวเองนั่นแหละ

เวลาผ่านมาเป็นสิบปีแล้ว แต่เรายังคงไม่ลืมกับการเอาเงินไปสูญเสีย...

มันเป็นการลงทุนด้วยเงินบาทนี่แหละ ซึ่งจะมีรายได้จากค่าต่างเงินดอลล่าห์ 

ในแต่ละวันๆ เขาบอกมาว่าจะได้รับเงินส่วนต่างนั้นเข้าบัญชีของเราทุกวัน

ก็ใจง่ายคิดเพียงว่าคงไม่เสี่ยงที่จะสูญเงินเพราะมีเงินเข้าในบัญชีทุกวันอยู่แล้ว

พูดตรงๆเลยนะ เราเองไม่เคยรู้จักหรือคุ้นเคยกับเจ้าของเว็บไซต์  หรือ

ผู้รับผิดชอบดูแลระบบนั้นเลย ในขณะนั้นเรายังคงทำงานอยู่ ด้วยตำแหน่งบิ๊กบอส

และไม่ค่อยคุ้นเคยกับการใช้คอมพิวเตอร์เลย เป็นคนโบราณขนานแท้ดั้งเดิม

ส่วนงานเอกสารที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ตนั่นก็เพียงสั่ง ลูกน้องก็ทำให้

ที่เอาเงินไปลงทุนก็มาจากผู้ช่วยเราที่เก่งทางคอมพิวเตอร์ แล้วมาชวนลงทุนกัน

คงด้วยความหวังดีนั่นแหละนะ บอกว่าได้รับการแนะนำมาจากเพื่อนเค้าอีกที

ก็เพียงเอาเงินสดให้เค้าไปโอนไปทำอะไรต่างๆ แล้วเราก็ได้เจ้ากระดาษ 4 แผ่นนี่มา

ไว้เป็นที่ระลึก...รอคอยเงินรายได้เสริมที่เข้ามาในบัญชีทุกวัน ด้วยความอุ่นใจ

แรกๆนั้นก็ยังพอมีสติดี อยู่ในช่วงทดลองก็ลงทุนด้วยเงินจำนวนน้อยก่อน

แต่พอเห็นเงินเข้าบัญชีทุกวันๆ (ประมาณสัก 5-6 วัน) ก็เริ่มมีความโลภมากขึ้นๆๆ

ก็นำเงินไปลงทุนเพิ่มเติมอีกครั้ง...ก็มีรายได้เป็นหลักร้อยเข้ามาในบัญชีทุกวัน 

(นี่คงเป็นวิธีหลอกล่อให้ตายใจ!..) อีกไม่กี่วันต่อมาเราก็นำเงินไปลงทุนเพิ่มขึ้นอีก

แต่หลังจากนั้น...ปรากฎว่าไม่มีเงินเข้าบัญชีทุกวันเหมือนเดิม จะด้วยเหตุผล

กลใด!!อะไรนั้นก็ลืมๆไปแล้ว!ล่ะนะ...ก็รวมๆประมาณ 3 สัปดาห์  เป็นช่วงที่ความโลภ

ของคนกำลังโดนครอบงำ ประกอบกับคนทำเวปนั้นได้ยอดเงินเข้าบัญชีก้อนโตแล้ว

ทีนี่ล่ะ...ไอ้เจ้าเวปไซต์ขี้โกงที่ตั้งชื่อว่า " E-INDEX 2007 " ก็โกงเงินนั้นหายไป...!!

วันรุ่งขึ้นคนที่เอาเงินไปลงทุนกันต่างก็ไม่สามารถเข้าเวปเจ้ากรรมนั้นได้อีกเลย

ทำเหมือนกับเวปล่ม...อะไรปานนั้นแหล่ะ  วันสองวันหลังจากนั้นก็ยังเข้าเวปไม่ได้

ทีนี้..ทุกคนก็คงรู้แล้วล่ะว่าถูกหลอก ต่างก็สูญเงินกันไปเป็นหลักหมื่นกันถ้วนหน้า

ที่ทำงานที่ถุกโกงไปนั้นก็มีถึงนักกฎหมายด้วย 55..แบบนี้เราจะไปโทษใครที่ไหนได้!?

คติเตือนใจ * โลภมาก ลาภหาย * เงินหายสอย..!! 

วิธีหารายได้จากลาซาด้า Lazada Affiliate

วันนี้จะมาแนะวิธีหาเงินรายได้เพิ่ม

จากอินเทอร์เน็ตอีกอย่างหนึ่งที่น่าสนใจ 

ก็คือการโปรโมทขายสินค้าออนไลน์

Lazada Affiliate ของลาซาด้านั่นเองค่ะ

  http://lazada.hasoffers.com/signup

  ลงทะเบียน Affiliate

     สมัครในเครือข่ายของเราโดยส่งข้อมูลด้านล่าง

ทำไมต้องเป็น Lazada Affiliate Program?

• ค่าคอมมิชชั่นที่มากกว่า
• ระบบการลงทะเบียนที่ง่าย คุณสามารถเริ่มสร้างรายได้ได้ทันที
• ระบบ dashboard ที่รวดเร็วและแม่นยำ
• ออร์เดอร์มากกว่าอย่างสม่ำเสมอ และมีสินค้านับล้านชิ้นให้โปรโมท
• โปรโมชั่นที่ดีที่สุดผ่าน Application ของเรา
• เครื่องมือทางมาร์เก๊ตติ้งที่ทันสมัย
• ยอดขายของเรามากถึง 6 ล้านดอลล่าในปี 2015

การสร้างรายได้เพิ่มโดยการลงทะเบียนสมัคร Lazada Affiliate ง่ายและฟรี!

เพื่อร่วมโปรแกรมและสร้างรายได้จากลาซาด้ากับการขายสินค้าออนไลน์ Shopping Mall

ในการวางลิ้งก์ที่เวปไซต์ บล็อก และแอพพลิเคชั่น ผ่านทาง Affiliates Progaram

ซึ่งจะได้ค่าตอบแทนในลักษณะการแบ่งปันรายได้จากยอดขายตามประเภทสินค้า

• สินค้าอิเลคทรอนิกส์ 5%
• สินค้าอื่นที่ไม่ใช่สินค้าอิเลคทรอนิกส์ 8%
• สินค้าแฟชั่น 10%

เมื่อลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถเริ่มสร้างรายได้ทันที โดยลงชื่อ

เข้าใช้ที่หน้า Dashboard ในบัญชีของคุณได้เลย สามารถสร้างบัญชี ข้อมูลการรับเงิน

รายได้ และเลือกผลิตภัณฑ์ที่ต้องการโฆษณาและสร้างโค้ดตามรายการที่ต้องการ พร้อมดู

รายงานประสิทธิภาพ และสามารถศึกษาทำความเข้าใจในรายละเอียดต่างๆได้ในคู่มือผู้ใช้

ทั้งนี้จะสามารถสร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ กันได้หรือไม่อย่างไร!?ก็อยู่ที่ความมุ่งมั่น

 ความขยันในการทำงานที่เกี่ยวข้องจนสำเร็จได้รับเงินตอบแทน เช่นการสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจ

ให้คนเข้ามาดูที่หน้าโปรโมทของเรา จนกระทั่งมีโอกาสตัดสินใจซื้อสินค้าที่เราโปรโมทไว้

ดังนั้นจึงจำเป็นต้องให้ความสนใจศึกษาหาข้อมูลเคล็ดลับต่างๆเพื่อให้ประสบความสำเร็จ

เครียดหนัก@หนี้สินบัตรเครดิต@แนวทางแก้ไข?

ในยามที่ต้องคิดหนัก จนเกิดความเครียด 

ในปัญหาหนี้สินต่างๆ

ที่มาบีบคั้นจิตใจในสิ่งที่ได้ทำผิดพลาดไปแล้ว ,กำลังเกิดปัญหากับเราในขณะนี้  

ขอบอกว่า "ในความโชคร้ายนั้นก็ยังมีความโชคดีแฝงอยู่เสมอ"..เพราะเรายังมีที่

ระบายกันในโซเชียลโลกอินเตอร์เน็ท ยังมีข้อมูลดีๆมากมายที่พร้อมจะช่วยเรา

เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ปถุชนคนธรรมดา ที่จะต้องพบเจอกับปัญหา และ

ได้ทำในสิ่งที่ผิดพลาดไปในบางช่วงบางเวลา ในชีวิตหนึ่งของคนเรา

จากบทความก่อนหน้านี้...ที่เป็นห่วง!
รุ่นลูกๆหลาน ที่เริ่มมีหนี้สิน

ตั้งแต่อายุยังน้อย ในวัยเพิ่งเริ่มต้นทำงาน อายุเพียง 25 ก็มีหนี้สินกันเป็น

จำนวนหลักแสนกันซะแล้ว  ลองพิมพ์คำว่า "เครียดเรื่องหนี้สิน" ในคำค้นหา

หน้าเวปกูเกิลดูก็ได้ ... ก็จะเห็นทุกเรื่องราวของคนที่มาเขียนโพสต์ เพื่อระบาย

หรือขอคำแนะนำเกี่ยวกับภาระหนี้สินที่พวกเขากำลังแบกรับอยู่ในขณะนี้ บางราย

เป็นหนี้บัตรเครดิต 3-4 ใบ เป็นหนี้ 3-4 แสนบาท ซ้ำยังตกงานไม่มีเงินไปใช้หนี้

เจ้าหนี้ / เจ้าหน้าที่บัตรเครดิตโทรติดตาม
กระหน่ำทวงเงินกันอยู่ทุกวัน

จนต้องเก็บตัวไม่รับโทรศัพท์ เกิดความเครียดอย่างหนัก ถึงกับจะคิดฆ่าตัวตายก็มี

น่าเห็นใจเป็นที่สุด! ใคร! ไม่เคยตกอยู่ในภาวะกดดันแบบนี้ไม่มีทางเข้าใจ..ชอบ

สร้างวจีกรรม พูดจาซ้ำเติมเขาด้วยความคะนองปาก ซึ่งเราคิดว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควร

ทำอย่างยิ่ง หากเผลอเข้าไปอ่านแล้ว รู้สึกไม่สบอารมณ์ตัวเอง ไม่เห็นด้วยยังไง
ไม่เห็นจะยากอะไร ถ้าไม่ไปอ่านต่อให้เสียอารมณ์...สิ่งที่ควรทำอย่างยิ่งเลย

วิธีง่ายๆแบบคนมีมารยาทดี ออกไปจากหน้าเวปนั้น..เงียบๆก็แค่นั้นเอง !

สิ่งแรกที่คุณควรทำคือ...ตั้งสติไว้ให้ดี 

ใจเย็นๆค่อยคิดค่อยหาวิธีแก้ไขปัญหาอย่างมีสติ ไม่แก้ไขปัญหาด้วยอารมณ์

  "ปัญหาทุกปัญหาสามารถแก้ไขได้"

ถ้าตกงาน ไม่มีเงิน ก็แก้โดยวิธีไปหางานทำ อย่าเกี่ยงงาน งานอะไรที่เราพอทำได้ให้มี

รายได้เข้ามาก็พอ ถ้าเรามีหนี้สินมาก เราก็ต้องหางานทำมากเช่นกัน ทั้งงานหลักงานเสริม

ถ้ายังพอมีเงินรายได้ ก็ต้องรีบนำไปใช้หนี้เขาให้ตรงตามจำนวน ตามกำหนดเวลานั้นดีแน่ๆ

ค่อยๆหาเงินใช้หนี้เขาไป งดใช้
ซื้อของฟุ่มเฟือยต่างๆซะบ้าง !!

ประหยัดรัดเข็มขัดกันไปก่อน แต่สำหรับคนที่อาการหนัก แบบหนี้เน่าแล้ว

 ถ้ามีเงินนิดหน่อยอย่านำเอาไปหยอดใช้หนี้ มันจะยิ่งสูญเงินไปเปล่าๆ 

ข้าวก็ต้องอดกิน แต่ดอกเบี้ยมันยังออกดอกบานสะพรั่งเช่นเดิม ส่วนงานที่ทำให้ได้เงิน

มานั้นจงอย่าหยุด!.. ต้องมีงานทำเพื่อให้ได้เงินมาใช้ในสิ่งที่จำเป็นและเก็บไว้

สักก้อนหนึ่งสำหรับไปเจรจาต่อรองประนอมหนี้ ถ้าจำนวนมากพอก็นำไปตัดหนี้เสีย

ได้ยิ่งดี ในจำนวนเงินที่ลดจากยอดหนี้รวมลงเหลือจำนวนหนี้แค่เงินต้นก็อาจเป็นได้!

บทเริ่มต้นเล่าเรื่อง! [เงิน เครดิต หนี้สิน]

บทเริ่มต้นเล่าเรื่อง! [เงิน เครดิต หนี้สิน]

ชีวิตคนเรานั้นมันสั้นนัก แถมยังไม่มีอะไรแน่นอนอีกด้วย

อยากบอก อยากเตือนทุกคนเหลือเกินว่า เราจำเป็นต้องวางแผนการเงิน

ให้ดี ตั้งแต่อายุยังน้อย ยิ่งได้ทำตั้งแต่สมัยวัยรุ่นยังเรียนอยู่ก็ยิ่งดีมากๆ จงอย่าได้

ประมาทกับชีวิต มัวเมาแต่การใช้จ่ายสิ่งที่ฟุ่มเฟือยเป็นนิสัยตั้งแต่ยังเด็กยันโต

ผู้เขียนเกิดในยุคเก่า ไม่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยหาข้อมูลได้ง่ายๆเช่นทุกวันนี้

ไม่ได้รับข้อมุลข่าวสาร แนวทางสิ่งที่ควรทำ หรือไม่ควรทำ ไม่มีเทคนิค กลยุทธ์ใดๆ

ในการดำรงชีวิตให้ปลอดภัยและดีที่สุด ไม่ได้รับการสั่งสอน ตักเตือนหรือชี้แนะจาก

ผู้รู้ผู้มีประสบการณ์ที่มาเล่าถ่ายทอดให้เราฟังไว้เป็นอุทาหรณ์สอนใจเหมือนยุคนี้

ขอย้ำอีกครั้งว่า...ไม่รู้เรื่องอะไรจริงๆ ใช้ชีวิตแบบเสี่ยงๆ มาโดยตลอด

ลองผิดลองถูก ใช้บทเรียนจากประสบการณ์ ใช้สอนตัวเองตลอดมาจนถึงทุกวันนี้

รู้สึกว่าตัวตนนี้เต็มไปด้วยประสบการณ์ชีวิต ที่อัดแน่นไปทั่วทุกอณูในร่างกาย

คิดที่จะถ่ายทอดประสบการณ์ ทั้งสิ่งที่ดี และสิ่งที่ผิดผลาดในชีวิตมาเล่าสู่กันฟัง

สิ่งที่ "อยากเล่า" เป็นเรื่องสำคัญอย่างหนึ่งในชีวิต ก็คือเรื่อง "เงิน" นั่นเอง

เป็นเรื่องราวที่ "เล่าได้ยากมากที่สุด" เช่นเดียวกัน...ยากในการถ่ายทอดให้เห็นภาพได้

อย่างชัดเจนเข้าใจ แล้วได้นำสาระที่ดี นั้นไปใช้เป็นแนวทางให้เกิดประโยชน์กับชีวิตได้

เล่าเห็นข้อผิดพลาดที่ไม่ควรทำตาม และหลีกเลี่ยงสิ่งเป็นโทษนั้นไม่ให้เกิดขึ้นกับตน

แม้แต่เริ่มต้นเล่าเรื่อง....ยังรู้สึกกดดัน และเกิดความเครียดขึ้นมาเฉยเลย !?

เมื่อร่างกายอารมณ์มันต่อต้านเช่นนี้ก็ถือว่าเรื่องนี้สำคัญยิ่งกับใจเรา! วงจรนี้ได้เริ่มต้น
จากทำงานให้ได้เงิน มีเครดิต กู้ยืมธนาคาร ซื้อบ้านที่ดิน รถยนต์ สิ่งของฟุ่มเฟือย

มีภาระค่าใช้จ่ายต่างๆในครอบครัว จนกระทั่งเกิดเป็นภาระหนี้สินก้อนใหญ่ขึ้นมา !!

ห่วง! ยุคนี้..เริ่มต้นเป็นหนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย

คิดๆไป ก็เห็นใจเด็กๆรุ่นลูกรุ่นหลานจริงๆ เริ่มมีหนี้สินกัน

ตั้งแต่อายุยังน้อย ว่าไปแล้วก็ตั้งแต่อายุสิบห้าสิบหก กันเลยทีเดียว วัยนี้กำลัง

เล่าเรียนอยุ่ในระดับ ม.ปลาย ปวช. ถึงวัยเป็นนิสิตนักศึกษาจนเรียนจบปริญญาตรี

ก็น่าจะอายุยี่สิบกว่าๆ ส่วนมากก็จะกู้เงินเรียนกัน จบมาพร้อมกับหนี้ 2-3 แสนได้

เมื่อมองมาดูที่ลูกเรา ตอนอายุระหว่าง 15-24 ปี นี่ยังขาดประสบการณ์

อยู่ในช่วงศึกษาเล่าเรียน หาความรู้ใส่ตัว เพื่อนำไปประกอบอาชีพเท่านั้นเอง

การที่รัฐบาลให้กู้ยืมเงินเพื่อเป็นค่าเรียนและเป็นค่าใช้จ่ายระหว่างเรียนนั้นก็เป็น

สิ่งที่ดีมาก ที่ได้ให้โอกาสกับคนที่มีรายได้น้อย/ยากจน ต้องการมีการศึกษาที่สูงขึ้น

การให้กู้ยืมเงิน กยศ. นี่ก็น่าจะเริ่มตั้งแต่ปี 2541 ปีนี้ 2561 เวลาผ่านไปเกือบ 20 ปี

เริ่มแรกหลักเกณฑ์การให้กู้ยืมเงินยังไม่เข้มงวด น่าจะสามารถกู้ได้ง่ายกว่าปัจจุบันนี้

ส่วนเด็กๆที่เป็นรุ่นแรกที่ได้กู้เงินเรียนจนจบปริญญาตรี แล้วออกไปทำงานกัน ตอนนี้

ก็น่าจะอายุ 35 ปี ! ถ้าพวกเขาชำระหนี้คืนตามปกติ ก็คงอีกสัก4-5 ปี หนี้ถึงจะหมด

เมื่อเป็นสิ่งที่ดีแล้วทำไมถึงต้องคิดเป็นห่วงล่ะ !?.. ก็สืบเนื่องมาจาก...

"เงินๆทองๆ เป็นของบาดใจ"

 เด็กวัยรุ่นในช่วงนั้น ยังขาดประสบการณ์ในชีวิต ยังคิดไม่เท่าทัน

ขาดการยับยั้งชั่งใจตัวเองในเรื่องกิเลสต่างๆ ที่คอยยั่วยุให้ลุ่มหลงไปตาม

ความต้องการ นำเงินไปใช้ในสิ่งของฟุ่มเฟือย เพื่อสนองความอยากของตัวเอง
ในเรื่องอาหารการกิน ข้าวของเครื่องใช้ สิ่งอำนวยความสะดวกราคาแพงๆ

นำเงินกู้ยืมเรียน ไปใช้ซื้อข้าวของเครื่องใช้ เช่นมือถือไอโฟนราคาสูง เป็นต้น

ซึ่งผิดวัตถุประสงค์ของการกู้ยืมที่ทางรัฐให้ผู้มีรายได้น้อยได้มีโอกาสได้เล่าเรียน

แม้ว่าเวลานี้มีมาตรการตรวจสอบกันมากขึ้นแล้วก็ตาม  การใช้เงินคืนหลังเรียนจบ

ทำงาน 2 ปี เงินเดือนแรกๆก็เป็นจำนวนไม่มาก แต่กับมีรายจ่ายหลายทาง

มนุษย์เงินเดือน ส่วนน้อยที่มีการวางแผนการเงินดี ก็มีเงินใช้พอเดือนๆ ไม่มี

เหลือเก็บ คงมีน้อยคนที่จะมีรายได้เริ่มต้นมาก หรือคนที่มีต้นทุนร่ำรวยมาก่อน

มีมรดกตกทอดเท่านั้นที่สบาย แต่ก็มีส่วนน้อยมากจริงๆ แต่ถ้าคนร่ำรวยนั้น

ใช้ชีวิตประมาทในการใช้จ่ายเงินแล้วละก็ย่อมมีสิทธิ์กลับมาจนได้เช่นกัน

คนทำงานส่วนมาก มีเงินใช้ไม่พอเดือน เพราะใช้จ่ายไปตามอำเภอใจ

 อยากกินอาหาร/กาแฟแพงๆ มีรสนิยมใช้ของหรู มักจะไม่มีเงินเหลือ ยิ่งมีบัตรเครดิต 

รูดใช้เงินล่วงหน้าได้ก่อนแล้วผ่อนทีหลังนั้น ก็ยิ่งทำให้เดินเข้าไปสู่... "วงจรอุบาทว์" 

เป็นหนี้ตั้งแต่วัยรุ่น...ยันไปจนแก่->ตาย<ไม่สามารถออกมาจากวงจรนั้นได้อีกเลย !