https://108aboutmoney.blogspot.com/google.com,%20pub-3791389710662192,%20DIRECT,%20f08c47fec0942fa0 2019

หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2562

วิธีแลกคะแนนแทนเงินเข้าบัญชี @ ktc forever rewards



การใช้บัตรเครดิตรูดซื้อของแล้วได้คะแนน ktc forever rewards 

จากการใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการทุก 25 บาท ได้คะแนน = 1 คะแนน 
สามารถนำคะแนนไปแลกเงินคืนเข้าบัญชีได้ (ในรอบบิลถัดไป)
ใช้คะแนน 1,000 คะแนน เพื่อรับแลกเงินคืนได้ = 100 บาท

เริ่มต้นใช้จำนวนคะแนนแลกได้ตั้งแต่ 1,000 คะแนน ขึ้นไปค่ะ
ใช้ตามจำนวนคะแนนที่ระบุไว้ 1,000 / 2,000 / 3,000 /..ถึง 100.000 คะแนน
นี่เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิตแล้วให้ได้ประโยชน์กลับคืนมา
แม้จะเป็นจำนวนเงินเพียงเล็กน้อย แต่ก็ควรทำ! ถ้าชอบที่จะใช้บัตรเครดิต

ธนาคาร/สถาบันการเงินไหนๆก็ตาม วิธีการคิดเงินของเขาก็ยังคงต้อง
ใช้จำนวนเงินเศษสตางค์กันอยู่เลย! เก็บสะสมไว้แม้เป็นเงินแค่สลึง มารวม
สี่สลึงก็เป็นหนึ่งบาทแล้ว เห็นบางคนทำได้เก็บออมเงินไว้ในกระปุกออมสิน
ไม่นำเงินออกจากกระปุกเลย นานวันเข้าก็สามารถเก็บเงินได้เป็นก้อนใหญ่

*~*____*~*~~***



"อย่านอนตื่นสาย"
"อย่าอายทำกิน"
"อย่าหมิ่นเงินน้อย"
"อย่าคอยวาสนา"

*~*~~***




x

วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2562

วิธีง่ายๆ การแก้ไขหนี้จากการใช้บัตรเครดิต(เกินวงเงิน)


ตามที่ได้ใช้จ่ายจากบัตรเครดิตจนเกินวงเงินไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ ^ o ^
จะไปคิดถึงว่าเนื่องจากสาเหตุใด! ใครทำ? นั้น..คิดไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร
เพราะสุดท้ายตัวเราผู้ใช้บัตรเครดิตนั้นก็ต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว

จึงได้คิดหาวิธีนำเงินไปใช้คืน เพื่อแก้ไขปัญหานั้นในหนทางเลือกที่ดีที่สุด!
ในความโชคร้ายนั้นมักจะแฝงมากับสิ่งที่ดีๆที่มาพร้อมกัน เพียงแต่มีสติคิดได้
จำนวนหนี้ที่ใช้เกินวงเงินไปเป็นก้อนไม่มากเกินกว่ากำลังรายได้ที่มีอยู่=สิ่งที่ดี!

ซึ่งในวันที่มีรายได้เข้ามา เราก็สามารถนำเงินก้อนนั้นไปปิดบัญชีได้เลย
แต่ควรคำนึงก่อนว่า "จำนวนเงินรายได้ที่มีอยู่" เรามีรายการใช้จ่ายค่าอะไรบ้าง?
ในแต่ละเดือน แต่เมื่อนำเงินก้อนนี้ไปปิดบัตรแล้ว จะทำให้เงินขาดสภาพคล่อง?

ถ้าเดือนนี้เรายังไม่พร้อมไปปิดบัญชีบัตรเครดิต ก็ควรใจเย็นซักนิดหนึ่งก่อน
ค่อยๆนำเงินมาแบ่งจ่ายหนี้ไปเท่าที่สามารถทำได้ อาจจะใช้เวลาอีก 2-3 เดือน
และอาจมีกฎเหล็กในการใช้จ่ายจากบัตรเครดิต ในช่วงเวลานี้ให้น้อยลงๆๆ

เพื่อให้คงเหลือยอดบิลนั้นน้อยที่สุด...ที่เป้าหมายในการสรุปยอดบิลสุดท้าย
ทีนี่..ก็เป็นเรื่องง่ายๆ ที่เราจะปิดบัญชีใช้บัตรเครดิตไปได้อย่างสะดวกสบาย !
ส่วนตัวแล้วยังมีความคิดที่จะขอใช้บัตรอีกครั้งโดยการใช้รายได้มาค้ำประกัน

ปล.ควรใช้บัตรเครดิตกับเจ้าของบัตรที่เรามีเงินรายได้ผ่านบัญชีนั้นทุกเดือน
สะดวกในการขอดูบัญชีรายได้ย้อนหลัง , มีโอกาสอนุมัติบัตรเครดิตได้ง่ายๆ 
ขอบัตรหลัก,หน้าบัตรเพิ่มเพียง 1-2 บัตร ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์การใช้จ่าย

ทำให้สะดวกง่ายไม่สับสน/ยุ่งยาก ในการควบคุมการใช้จ่ายบัตรเครดิตนั้น
ความคิดส่วนตัวที่ว่า "108 เทคนิคใช้บัตรได้มีประโยชน์ ได้ดีที่สุดก็แค่เสมอตัว"
หากไม่ได้รับการอนุมัติบัตร ก็โชคดีอย่างหนึ่ง..แค่จัดการใช้จ่ายเงินสดสบายใจ



วันศุกร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2562

บัตรเครดิตฉัน-ติดลบ-เมื่อวางใจกับข้อมูลใช้บัตรออนไลน์ !?




<<< อ่านกันต่อจาก...>>>   " ด่วน! เจอแล้ว..พิษสง! ของการใช้บัตรเครดิต? "

ไม่สามารถใช้จ่ายอะไรได้อีก เพราะใช้จ่ายเกินวงเงินไปแล้วโดยปริยาย..จึงได้โทร
ไปสอบถาม จนท.บัตรฯอีกรอบหนึ่งว่าเกิดอะไรขึ้นอีกล่ะหา.!?."เทคนิคการใช้บัตร
อย่างมีประโยชน์ชาญฉลาด!" วิมานทรายถูกพังทลายลงไปไม่เป็นท่า! เสียใจจริงๆ

รับสายจากเจ้าหน้าที่บัตรเครดิต..."สวัสดีค่ะ ดิฉัน..zz~~~#*~~~ยินดีให้บริการค่ะ"
พูดรัวๆ(โดยเฉพาะชื่อ)จนฟังไม่ทัน ก็เลยไม่รู้ว่าคุยกับใคร?และผู้ใดกำลังให้บริการ
เช่นดังเดิมๆ แล้วเราก็คิดไม่ทันที่จะบันทึกเสียงไว้(เหมือนทางระบบบัตรเครดิตแจ้ง)

พูดตอบมาง่าย!ๆ ว่าเข้าดูข้อมูลแล้วมีบันทึกไว้ให้แก้ไขเป็นให้ใช้ยอดรวมเดียวกัน
ให้เป็นไปตามเงื่อนไข "ฟิกซ์ค้ำ" ฮืมมม..! ถ้าจะใช้เงินรายได้ค้ำฯ ก็ต้องปิดยอดก่อน
แล้วยื่นกู้มาใหม่..แต่"จะอนุมัติบัตรได้หรือไม่มิอาจทราบได้!"(ประโยคนี่เราตอบเอ๊ง)

คิดซิคิด! นี่มันความผิดของฉันรึไง? ที่ระบบข้อมูลบัตรฯมันตั้งไว้ให้ใช้แบบนี้มา 5 รอบ
นึกครึ้มอกครึ้มใจวันใด..ก็นึกได้ผิดเงื่อนไขจึงให้กลับไปใช้ดั้งเดิม แล้วที่ใช้ไปเกินอ่ะ
จะทำไงล่ะ! ถ้าเป็นลูกหนี้บัตรทำพลาดก็คงถูกชดใช้เป็นเงินทุกบาททุกสตางค์ล่ะนะ!

ไม่มีความรู้สึกผิดพลาดอะไรเลยจากปลายสาย...เราเองนะต้องรับกรรมค่อยใช้หนี้ไป
ต้องกลับมานั่งใจลอยคิดทบทวน !?!?... จนท.บัตรเครดิตคีย์ข้อมูลบัตรลงไว้ให้เราใช้
เป็นเพราะความผิดพลาดของเขา หรือว่าจะเป็นกลวิธี/กลหลอกล่อให้เราใช้จ่ายบัตรฯ

โดยใช้ระยะเวลาช่วงหนึ่ง ในการเข้าไปสู่วังวนของ "วงจรหนี้" มากจนยากแก่การที่จะ
ควบคุมการใช้จ่ายจากบัตรฯ จนไม่สามารถแก้ไขหนี้นั้นได้  ต้องอยู่จมไปกับกองหนี้สิน
ก็มีสิทธิ์ที่จะคิดได้ทั้งทางด้านบวก และด้านลบได้เช่นเดียวกัน ก็สุดแล้วแต่มุมมองใคร?

สรุปง่ายๆ เลยนะว่า ถึงเราจะใช้วิธีดีๆ 108 เทคนิคใช้บัตรเครดิตให้มีประโยชน์ได้อย่างไร?
เมื่อใช้จ่ายจากบัตรเครดิตต่างๆนี้ก็ตาม จากประสบการณ์ที่ได้เจอมากับตัวเองนั้นคิดว่า..

ปล.
คงไม่มีใคร? ที่ฉลาดเกินไปกว่า " ผู้ที่ออกบัตรเครดิต "




ด่วน! เจอแล้ว..พิษสง! ของการใช้บัตรเครดิต?




เพิ่งจะเล่าให้กันฟังไปหยกๆ ถึงการใช้บัตรเครดิต (ยุคใหม่) อย่างมีประโยชน์
กำลังรู้สึกภูมิใจอยู่เชียว! ว่าตัวเองฉลาดสามารถควบคุมการใช้บัตรได้ดีเป๊ะ ๆ
มีความสนุกกับการจัดการใช้จ่ายซื้อของด้วยการทำรายการแบ่งจ่ายเป็นงวดๆ

แต่เมื่อเข้าไปดูบัญชีข้อมูลบัตรเครดิตออนไลน์ของตัวเอง..เห็นแล้วขมขื่นสุดๆ
ข้อมูลระบบมันปรับเปลี่ยนไปๆมาๆอีกแล้ว จากปัญหากับ " การใช้วงเงินบัตร "
ด้วยเรื่องเดิมๆ ใช้จ่าย 2 บัตรเครดิต โดยใช้วงเงินเดียวกัน @ ใช้วงเงินแยกกัน

เราได้ใช้บัตรเครดิต โดยใช้สมุดเงินฝากค้ำประกัน /ที่ธนาคารเรียกว่า"ฟิกซ์ค้ำ"
ได้บัตรหลักมาด้วยวงเงินอนุมัติ=ยอดเงินฝาก ตามที่เจ้าหน้าที่ธนาคารบอกไว้
อีกเดือนต่อมาเราได้บัตรเพิ่มอีกใบหนึ่ง ได้วงเงินอนุมัติบัตรนี้=จำนวนบัตรแรก

ในข้อมูลบัญชีบัตรเครดิตออนไลน์ ก็ตั้งรายการไว้ให้ใช้จ่ายบัตรไปแบบนั้น เมื่อ
มีการใช้จ่ายจาก 2 บัตร รายการที่ปรากฎก็จะหักไปตามยอดวงเงินอนุมัติให้ไว้
พอถึงสรุปยอด ก็มีรายการเรียกเก็บไปตามนั้น และเราก็ชำระหมดในรอบบัญชี

ต่อมาก็ได้ยื่นขอทำบัตรเสริม 1 บัตร และได้สังเกตุเห็นว่ายอดบัตรหลักกับบัตร
เสริมปรากฎยอดเงินรายจ่ายขึ้นเท่ากัน ทั้งๆที่ไม่ได้ใช้จ่ายจากบัตรเสริม เมื่อ
เกิดความสงสัยในการใช้บัตรเสริม(ครั้งแรก) ก็เลยได้โทร.สอบถาม จนท.บัตรฯ

เจ้าหน้าที่บัตรได้ตรวจสอบข้อมูลบัญชีให้ แล้วบอกว่าเราได้รับการอนุมัติวงเงิน
จำนวนเงิน 2 ยอด 2 บัตร เพื่อสะดวกในการใช้บัตรเครดิต แต่บัตรเสริมจะใช้วง
เงินเดียวกันกับบัตรหลัก(ใบแรก)ตอนนั้นเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วก็ใช้บัตรอย่างมั่นใจ

ผ่านไปอีก 2 รอบบัญชี ก็เกิดปัญหาเดิมนี้ขึ้นมาอีกหละ!?..เฮ้ออ! วันดีคืนดีข้อมูล
บัญชีบัตรเครดิตเราก็ต้องกลับไปใช้ 2 บัตร+1 บัตรเสริม รวมใช้ในวงเงินเดียวกัน
ยอดวงเงินใช้จ่ายจึงติด - ลบ ใช้เกินวงเงินบัตรไปอีกห้าพันกว่าๆ เจอพิษสงเต็มๆ!


<<อ่านต่อ>>... "บัตรเครดิตฉัน-ติดลบ-เมื่อวางใจกับข้อมูลใช้บัตรออนไลน์ !?"


ยุคใหม่ ! ใช้บัตรเครดิตให้มีประโยชน์ @ สร้างวินัยการเงิน


เมื่อปลายปี 2561 ที่ผ่านมา ก็ได้หวนคืนกลับสู่ "วงจรใช้เงินในอนาคต" อีกครั้งหนึ่ง !
กลับมาด้วยประสบการณ์เต็มตัว แต่ก็ยังรู้สึกหวั่นวิตก มีอาการหนาวๆร้อนๆ อยู่ทุกครั้ง
ที่ใช้จ่ายเงินจากบัตรเครดิต  มารอบนี้ตั้งใจใช้บัตรธนาคารที่รับเงินบำนาญเจ้าเดียวพอ!

มีเวลาว่างพอที่จะเข้าไปศึกษาการใช้บัตรให้มีประโยชน์ที่สุด ตามอ่านข้อซักถาม
จากประสบการณ์ผู้ที่ใช้บัตรเครดิต อ่านและโน๊ตที่สำคัญๆไว้เป็นเล่มๆ ทำความเข้าใจ
กับการคิดดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมต่างๆ วันสรุปยอดค่าใช้จ่ายบัตรจากทางธนาคาร 

สร้างวินัยการใช้เงินใหม่ให้ดีๆ เมื่อใช้จ่ายซื้อของแต่ละครั้งต้องเก็บสลิปไว้ แล้วนำไป
ลงในสมุดบัญชี เอาความรู้หลักการบัญชีเบื้องต้นเมื่อครั้งเรียน ปวช. งัดออกมาใช้งาน
อีกครั้งก็คราวนี้แหละ เพราะยังเข็ดขยาดกับการเป็นหนี้เมื่อก่อนๆ จึงต้องใช้อย่างระวัง!




ตอนนี้วันๆ ก็เหมือนกับได้เข้าห้องเรียนหนังสือในวิชา "การใช้บัตรเครดิตให้มีประโยชน์"
ใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีพในครอบครัว ติดตามดูโปรโมชั่นดีๆ มีส่วนลด มีเงินคืน
ได้คะแนน กี่เท่า เมื่อซื้อของด้วยเงินมากหน่อยก็ไปทำรายการแบ่งจ่าย ถ้าได้ 0% ยิ่งดี

ยุคสมัยใหม่นี้ใช้บัตรเครดิต มีการทำรายการแบ่งจ่ายเป็นงวดๆ ตั้งแต่ 3 งวด จนถึง 10 งวด เสียดอกเบี้ยแค่ 0.80 ฿  ซึ่งเป็นข้อดีที่จะช่วยผู้ใช้บัตรเครดิตได้นะ พอครบรอบจ่ายบิลก็
รีบนำเงินไปจ่ายให้ตรงงวด และมีกฎเหล็กว่าต้องจ่ายให้ได้เต็มยอดค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บ

ถ้าจำเป็นต้องกดเงินสดจากบัตรเครดิตมาใช้ ซึ่งจะมีค่าธรรมเนียมการใช้เงิน มีดอกเบี้ย
แพงมากกว่าการใช้บัตรไปรูดซื้อสินค้า/บริการ เมื่อถึงรอบบิลเรียกเก็บก็ต้องจ่ายเงินคืน
ให้ครบตามจำนวน ถ้าจ่ายไปแค่ขั้นต่ำ ก็จะเหลือยอดเงินเป็นหนี้ค้างจะเสียดอกมากขึ้นๆ



บัตรเครดิต  มีทั้งผลดี  และผลเสีย 
มีคุณประโยชน์อนันต์  อาจเกิดโทษมหันต์
ให้รู้ทัน!  สติคิดควบคุม  ติดตามดู 
ดี/ร้าย  อยู่ที่ผู้ใช้นั้น  กำหนดเอง!


20 ปีใช้บัตรเครดิต(ยุคเก่า)->สู่วงจรหนี้สินท่วมหัว!


"คนมีเครดิต" ที่ใช้ได้ถึง 2 ยุคสมัยด้วยกันนั้น

ควรถือว่าเป็นคนโชคดีหรือโชคร้าย !?!

20 ปี @ การใช้บัตรเครดิต<ยุคเก่า>
หลุดเข้าวังวนการใช้เงินอนาคต<สู่>วงจรหนี้สิน!

เริ่มมีบัตรเครดิตใช้ครั้งแรกเมื่อประมาณ ปี 2531 เครดิตดีจากอาชีพรับราชการ
อายุตอนนั้นประมาณยี่สิบปลายๆ ยื่นขอใช้บัตรเครดิตเจ้าไหนๆก็อนุมัติผ่านฉลุย 

พฤติกรรมการใช้บัตรก็แบบตัดสินใจไว อยากได้ไรซื้อ เสื้อผ้ามียี่ห้อแพงชอบอยู่
2 สีๆนั้นก็ดีสีนี้ก็สวยตัดสินใจไม่ได้รักพี่เสียดายน้อง ซื้อทั้ง 2 ตัวเลย...รูดปรึ้ดดๆๆ
วินัยการใช้เงินอนาคตจากบัตรเครดิตนั้นหรือ?..คือไม่มีเลย วินัยสไตล์ตามใจฉัน !
วันๆก็ก้มหน้าก้มตาทำแต่งานๆ ค่ำมาก็เหนื่อยล้า กลับบ้านกินข้าวนั่งดูละครทีวีสนุก

ถึงสี่ห้าทุ่ม รีแล็กซ์ด้วยการฟังเพลงก่อนนอน ใช้ชีวิตสบายๆชิลๆไม่ได้คิดถึงเลยว่า
เมื่อนำเงินอนาคตไปใช้ก่อนแล้ว เวลาจ่ายบิลทีหลังจะจัดสรรเงินจากส่วนไหนมาคืน
ยุคนั้น ไม่มีโปรโมชั่นเป็นเงินคืน/การแบ่งจ่ายใดๆ เห็นบอกมาว่าสามารถจ่ายขั้นต่ำ
ได้จำนวนเงินเล็กน้อยเพียง 5% ใช้เงินซื้อของไปรอบบิลนี้ 10,000 ฿ คิดง่ายๆก็จ่าย

บิลเรียกเก็บนี้ไปเพียง 500 ฿ เองแหล่ะ สบายจะตายยย! ไม่รู้ไม่อ่านเรื่องคิดดอกไร
ไม่เข้าใจ! สัญญาใช้บัตร เงื่อนไขข้อตกลงเขียนมาซะยืดยาวตัวหนังสือก็เล็ก ไม่ดู!
จ่ายบิลค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บแค่ 5% เผลอใช้เงินอนาคตไปไม่นาน 3 บิล วงเงินเต็ม!
ก็เริ่มไปสมัครใช้บัตรใหม่เพิ่มจากมี 1 บัตร เป็น 2 , 3 ,4 บัตรตามมาให้หมุนใช้สนุกมือ


มื่อเออรี่รีไทร์จากงานราชการ กว่าจะได้รับเงินบำนาญรายเดือน และได้เงินขวัญถุง
อะไรตามสิทธิ์ ก็ปาเข้าไปเดือนที่สามแล้ว แล้วค่าใช้จ่ายหนี้สินที่ต้องกินต้องใช้จ่าย
เป็นเวลาตั้ง 3 เดือนนั้นจะเอาเงินมาจากไหน!? ไปใช้จ่ายเขากันล่ะฮึ ! เจ้านาย !

สรุปก็หมุนเงินไม่ทันจนวงจรอุบาทว์ขาดสะบั้น ! รวมสิริเวลาเข้าสู่วังวนมาร่วม 20 ปี
กับ"วงจรใช้เงินอนาคต" ท้ายสุดก็หยุดเคลียร์หนี้ไป 10 ปี บอบช้ำเหนื่อยหนักจริงๆ 
จนลูกเห็นสภาพแม่ว่าแย่แล้ว@การแก้ไขหนี้นั้น..จนมีความรู้สึกกลัว! "บัตรเครดิต"






วันจันทร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2562

Money Story "วงจรหนี้สิน" @เริ่มทำงาน-สร้างหนี้/ออมเงิน




เมื่อปี พ.ศ. 2521 เริ่มต้นทำงานได้รับเงินเดือนจากราชการ เมื่ออายุ 19 ปี เงินเดือน 750 บาท แต่ ได้รับเงินเดือนครั้งแรกเมื่อทำงานไปแล้วเกือบสามเดือน เนื่องจากการเข้ารับราชการใหม่ ต้องมีการทดลองงาน 6 เดือน และกว่าระบบการเบิกเงินจะเข้าที่เข้าทางก็ปาเข้าไปเดือนที่ 3 เงินเดือนก็เลยต้องได้ตกเบิกย้อนหลัง 3 เดือน ที่ผ่านมาไปทำงานก็ต้องยืมเงินแม่ไปใช้ก่อน แล้วเมื่อเงินออกเมื่อไหร่ก็ค่อยเอามาคืนให้แม่ ก็ได้เงินไปกินข้าว+ค่ารถโดยสารนั่งไปทำงานก็น้อยนิด เท่ากับเงินที่แม่จ่ายให้ไปโรงเรียนนั่นแหละ *____*

นั่งมองคนที่รับเงินเดือนเขากินเขาใช้กันแบบสบาย อยากกินอะไรได้กิน อยากซื้ออะไรก็ได้ซื้อ แต่งตัวกันสวยๆมีรถส่วนตัวใช้กันแล้วมันกดดันสะสม..ฮ้าฮ่า..พอวันที่ได้เงินเดือนตกเบิกเป็นก้อนมา 3 เดือน สิ่งแรกก็ต้องใช้คืนแม่ไป เงินที่เหลือก็ต้องเอาไปดาวน์มอเตอร์ไซด์ไว้ขี่ไปทำงาน แค่นี้เงินก็เกือบหมดละ  นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นเป็นหนี้ของข้าราชการตัวน้อยๆ ชั้นยศซี 1 อายุก็น้อยไร้ประสบการณ์ไม่รู้ประสีประสาอะไรมีฐานะทางบ้านแค่พอใช้ ที่กำลังเดินเข้าสู้วังวนของ "วงจรหนี้สิน" โดยไม่รู้ตัว!

จากความที่ต้องอดๆอยากๆ พอมีเงินเดือนประจำทุกเดือน อีกปีต่อมาก็เริ่มมีเครดิต มีรุ่นพี่ป้าน้าอานำของมาขายผ่อนเป็นเสื้อผ้าชุดทำงานสวยๆมียี่ห้อ เมื่อก่อนเสื้อผ้าของวาโก้นั้นเป็นแบรนด์ยอดนิยมเลยล่ะ เขามีบัตรเป็นคูปองผ่อน 2-3 เดือน ให้ไปซื้อผ่อนในห้างสรรพสินค้า ตอนนั้นจำได้ว่าชุดหนึ่งเกือบห้าร้อย ผ่อนจ่าย 2 เดือน ใส่ไปทำงานนี่สวยเลย แสนจะภูมิใจ(ที่เป็นหนี้) และยังมีแหวนทองหัวอัญมณีหลากหลายนำมาให้ผ่อนกันราคาแพงอยู่นะผ่อนแค่ที่พูดถึงสองสาม
อย่างนี้ก็เข้าสู่วงจรหนี้สินโดยไม่รู้ตัวแล้วหละ



ถ้าให้ย้อนกลับไปแก้ไขหนี้สินได้อีกครั้ง..!

สิ่งแรกที่ต้องรีบทำเป็นอย่างยิ่ง!คือ :-

  • 1 ปีแรกที่ได้รับเงินเดือน จะไม่สร้างหนี้สินใดๆ 
  • ทำบัญชีใช้จ่ายเงินให้ดี ต้องมีเงินออมรายเดือน 
  • กินอยู่แบบประหยัด นั่งรถโดยสารไปทำงาน 
  • เก็บเงินได้เป็นก้อน แล้วจะนำไปซื้อมอเตอร์ไซต์   
  • ใช้เงินซื้อสิ่งของที่จำเป็นต้องใช้ในการดำรงชีวิต 
  • ไม่ใช้จ่ายซื้อของฟุ่มเฟือย เสื้อผ้า/แก้วแหวนแพงๆ
  • ให้เงินแม่ไว้บ้าง เพราะรู้ว่า "แม่" เก็บเงินเก่งมาก
  • ช่วยงานแม่ ถึงแม้ต้องทำงานและเรียนไปด้วยก็ตาม






โพสต์แนะนำ